รบกวนขอข้อมูลและความรู้จากพี่ๆหน่อยครับผม
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนเลยผมชื่อปอครับผม เป็นน้องชายของคุณ cowboy62
ตอนนี้กำลังทำโปรเจ็คของวิชาการวางแผนและการวิเคราะห์โครงการเลี้ยงสัตว์อยู่ครับ
ซึ่งต้องทำการวบรวมข้อมูลต่างๆมาทำรายงานโดยต้องใช้ข้อมูลจริงๆจากคนที่เลี้ยงจริงๆ
และเมื่อทำรูปเล่มของโปรเจ็คเสร็จแล้วก็ต้องเอาไปให้ธนาคารดูอะครับว่าจะขอกู้ได้มั้ย
หัวข้อโปรเจ็คคือ ทำวัวขุนกำแพงแสนอะครับ พื้นที่ตั้งฟาร์มที่สมมุติจะเลือกที่ ปากช่องกับกำแพงแสนครับผม
สิ่งที่อยากจะถามพี่ๆนะครับ
1.ผมจะเลือกซื้อวัวที่มีอายุ1ปีหรือช่วงหย่านมครับ สามารถหาซื้อได้จากที่ไหนได้มั้งครับจากพื้นที่ที่กล่าวมา
2.เมื่อผมทำการขุนถึงน้ำหนักที่ต้องการขายแล้วสามารถขายที่ไหนได้มั้งครับ(สหกรณ์ไหนหรือว่าผ่านพ่อค้าคนกลางถ้าเป้นสหกรณ์รบกวนขอชื่อด้วยนะครับ)
3.ราคาฟาง ราคาอาหารข้น(อาหารข้นรบกวนขอชื่อทางการค้าหน่อยนะครับ)
4.ข้อนี้ผมต้องทำการวิเคราะห์คู่แข่งอะครับเลยอยากจะทราบว่าปัจจุบันนี้มีการขุนแบบไหนกันบ้าง
ข้อนี้อาตมาขอบายนะจ๊ะเพราะอาตมาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกะการขุนวัวเลย แตขอเก็บประสบการณ์แบบอ่านที่นี่ไปก่อนนะจ๊ะคริๆ
พี่NKC - ถามละครับผมแกบอกให้ลองมาถามพี่ๆให้เว็บดูอะครับ
จริงก็ไม่อยากตอบนะ แต่เห็นกับน้ำใจของ คาวบอย 62 ที่เคยตอบคำถามผมมาก่อน
1. งัวชาวบ้านเลี้ยง ส่วนใหญ่จะหย่านม ตอนอายุ 8 เดือน มีไม่ถึงครึ่งที่หย่านมตอนอายุ 7 เดือน และแทบไม่มีเลยที่หย่านมตอนอายุ 6 เดือน ..... เมื่อหย่านมแล้วจะผอมลงทันที และชาวบ้านจะเลี้ยงกันต่อไปอีก 3 - 4 เดือนเพื่อให้ลูกงัวปรับสภาพ แล้วจึงขายออกมา
คนเลี้ยงไม่นิยมซื้องัวพรากนม เพราะจะเอาไปแล้วต้องขาดทุนกับงัวทรุดเนื่องจากอดนม ..... งัวที่ซื้อเข้าขุนจะแบ่งเป็น 2 เกรด
1. ) งัวฟาร์มคนเมือง และฟาร์มคนมีตัง .... เนื่องจากเป็นการเลี้ยงัวต้นทุนสูง ลูกที่ได้โตเร็ว ให้การตอบสนองในทุกๆด้านดีเยี่ยม เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก ราคาซื้อขายจะแพงกว่าท้องตลาด ส่วนใหญ่การซื้อขายจะเป็นการทำ contrac farmming ไม่มีการเอามาขายเกะกะตามตลาดนัด ส่งถึงมือคนรับประมูลงัวส่งขุนโดยตรง หรือไม่ก็ส่งถึงมือคนขุนโดยตรง
...... งัวที่ได้จะโตเร็วมาก เข้าขุนตั้งแต่อายุแค่ 12 - 15 เดือนเท่านั้น บางตัวให้ นน. 300 กก. ตั้งแต่ไม่ทันหย่านม และมักให้ นน. เกิน 500 กก. อย่างรวดเร็ว .....
2. ) ฟาร์เกษตรกรรายใหญ่ . ฟาร์มของข้าราชการ . ฟาร์มของคนไร้รากในเมืองที่ซื้องัวฝากคนที่บ้านเลี้ยงไว้ดูเล่นแค่ 1 - 2 ตัว ...... เป็นการเลี้ยงงัวแบบต้นทุนต่ำ แต่ได้รับการดูแลเป็นอย่าดี ทำให้เติบโตได้ไกล้เคียงกับ ฟาร์มของคนรวยเช่นกัน ...... งัวจะถูกส่งเข้าตลาดนัดโดยพ่อค้าคนกลางรายย่อยแถวบ้าน เพื่อขายให้กับพ่อค้างัวขุนอีกที ซึ่งจะไม่ได้เอาไปวางขายกัน หรือจูงขายกัน แต่ส่วนใหญ่มักจะตกลงกันเลย เพราะเป็นงัวชั้นดี เป็นที่ชื่นชอบของคนขุน
..... งัวอายุแค่ 12 - 18 เดือนเท่านั้น มีอยู่บ้างที่ให้ นน. 300 กก. ตอนอายุ 24 เดือน
3. ) ฟาร์เกษตรกรทั่วๆไป .... เป็นการเลี้ยงัวต้นทุนต่ำ ได้รับการดูแลไม่ดีนัก ลูกงัวอายุ 12 เดือน นน. แค่ 200 กก. ( + อีกนิดหน่อย ไม่เกิน 250 กก. ) เท่านั้น จะขายเข้าตลาดนัด และวางขายทั่วไป จูงเดินขายทั่งไป ....
..... งัวพวกนี้อายุ มัก ไม่ต่ำกว่า 18 เดือนแล้วจึงจะให้ นน. ถึง 300 กก. และส่วนใหญ่ อายุมัก เกิน 24 เดือนกันแทบทั้งสิ้น จึงจะเข้าขุนกันได้
....................................................................................................................
แหล่งซื้อขาย
1. เกษตรกรที่เลี้ยงแม่งัว หายาก และไม่คุ้มค่าเดินทาง ตัดออกไปได้เลยถ้าจะขุนเป็นอาชีพ แล้วไม่มีประสบการณ์
2. ตลาดนัด งัวเข้าตลาดไม่แน่นอน ยิ่งเป็นชาโรเล่ แล้วไม่ต้องพูดถึง หายากมาก และเกือบครึ่งเป็น ลูกงัวที่เกิดจากแม่ไทย คนไม่มีประสบการณ์ โดนพ่อค้าสอนมวย ด้วยการตีเข่าฟันศอก ซะอ่วม ..... โดนหลอกขายงัวแพงหูฉี่จนไม่มีกำไร ( มีคนเมืองจำนวนมาเคยโดนกันมาแล้ว ถึงกับร้องลั่นทุ่งว่าราคางัวตกต่ำ ) ...... โดนหลอกขายงัวแม่แกลบอีก
3. พ่อค้างัวขุน .... เขาจะไปกว้านซื้องัวตามตลาดนัดต่างๆมา แต่งัวก็ไม่แน่นอน อีกเช่นกัน สามารถติดต่อซื้อกับเขาได้โดยตรง ทำสัญญากันได้โดยตรง แต่เขามักไม่ยอม ซื้อขายกับเราโดยตรง
4. ฟาร์มที่รับประมูลงัวส่งเข้าขุน ..... เขาจะรับงัวจากพ่อค้างัวขุนมาอีกที ทำการคัดเกรด บางตัวไม่ได้ขนาดก็เอาไป " ขำ" ก่อน เพื่อให้ได้เกรดตามที่ต้องการ ..... มีการทำสัญญาส่งมอบกันแน่นอน งัวที่ได้มีคุณภาพแน่นอน พวกดีๆก็ขายให้เราแพงๆ พวกแย่ๆก็ขายให้ถูกหน่อย ..... มีงัวให้สม่ำเสมอ ..... ไม่ต้องกังวลเรื่องงัว ...... แต่ราคางัวจะสูงหน่อยเพราะผ่านมือพ่อค้าคนกลางมาแล้วหลายทอด ...... เขาจะรับประมูลงัวกับกลุ่มของสหกรณ์โดยตรง แค่เราเข้าร่วมสหกรณ์กับเขาก็ได้แล้ว ..... หรือไปถามเอากับสหกรณ์ก็ได้
________________
เด็กเลี้ยงงัวโง่เง่าเต่าตุ่น ที่ไม่รู้จักพัฒนา หัวไม่ค่อยดี แต่ไม่เคยดูถูกรากฐานของตนเอง
2. โอย ..... ถ้ามีงัวขุนแล้วขายให้นะ แย่งกันหลังมือเขียว
มีตั้งแต่จ้างเขาชำแหละ แล้วขายให้ โดยตีแบรนด์เขาเอง ( หรือจะเอาแบรนด์เราเองก็ได้ ) คิดค่าจ้างชำแหละ และหัว หนัง เครื่อง ในเป็นของเขา เนื้อเป็นของเรา
มีตั้งแต่ ขายให้เขา โดยหัว หนัง เครื่องใน เป็นของเขา แล้วเอา ซากที่ได้มาชั่ง นน. ซื้อขายกัน ให้เงินก่อนในราคาเนื้อนุ่มแต่มันไม่แทรก หลังจากนั้นมีเงินตามมาอีกทีหลังจากพิสูจน์ ซาก แล้วว่าอยู่เกรดใหนตามเกรดของไขมันที่แทรก
มีตั้งแต่ เหมายกตัว ชั่ง นน. กันแล้วตีราคาขายกันเลย ได้ราคาแบบเดียวกับข้างบนนั่นแหละ
บ้านผม ก็สหกรณ์เมืองตากครับ เขาส่งเสริมงัวพันธุ์ตาก ..... แต่เท่าที่รู้ก็ กำแพง ก็มีนะ .... ไทย - เฟรนช์ ( โพนยางคำ - ) ..... นครปฐม ( กำแพงแสน ) .... รู้สึกกำแพงแสนเขาจะแยกทางกัน แล้วตั้งสหกรณ์ใหม่ขึ้นมาอีกแห่งนึงนะ
......................................
การไปติดต่อขายให้เขาโดยตรง ถ้ามีให้รับหมดทุกที่ แต่ต้องจองคิวเอาก่อน ...... ถ้าเข้าร่วมสมาชิกสหกรณ์กับเขา จะได้สิทธิพิเศษมากมาย ได้เงินปันผลกลับมาตัวนึง 2 - 5 พันกันเลยทีเดียว ( ขึ้นอยู่กับผลประกอบการณ์ ) ...... ที่อยู่ อากู๋ ครับ
________________
เด็กเลี้ยงงัวโง่เง่าเต่าตุ่น ที่ไม่รู้จักพัฒนา หัวไม่ค่อยดี แต่ไม่เคยดูถูกรากฐานของตนเอง
ข้อ 3. แต่ละท้องถิ่นไม่เท่ากัน ต้องให้คน นครปฐมมาตอบละกัน
________________
เด็กเลี้ยงงัวโง่เง่าเต่าตุ่น ที่ไม่รู้จักพัฒนา หัวไม่ค่อยดี แต่ไม่เคยดูถูกรากฐานของตนเอง
4. คู่แข่ง ...... คนแย่งกันซื้อลูกงัวอย่างเดียวเท่านั้น ..... หางัวเข้าขุนกันไม่ได้ ลูกงัวราคาแพง ตอนนี้บางรายเลิกขุนกันไปเยอะเพราะสู้ราคา ลูกงัว และอาหารสัตว์ไม่ได้ ..... ช่วงเวลานี้เป็นขาลงของคนเลี้ยงัวขุน ..... มีแนวโน้มว่าจะไปรอดได้ยากมากๆๆๆๆๆ
.....................................
คู่แข่งในอณาคต ..... งัวจาก ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ ตอนนี้ ตก กก. ละ 400 กว่าบาทใน เกรดงัวขุนบราห์มัน ในขณะบ้านเราอยู่ที่ 300 กว่าบาท .ในอณาคตถ้าเราเปิดฟรีเทรดกับ ออสเตรเลีย โดยสมบูรณ์ในปี 2558 ก็ยังเดาอะไรไม่ออกเหมือนกัน..... งัวจากเมืองแขก ตก กก. ละ 170 - 180 บาท ในเกรดงัวบ้านๆ ไม่ได้ขุน ตอนนี้รัฐบาลเราไม่อณุญาติให้นำเข้า จึงมีการลักลอบนำเข้ามาทำลูกชิ้นกัน เป็นตู้คอนเทนเนอร์ กันเลยทีเดียว ....... ในอณาคตถ้างัวแขกเข้ามาได้ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นเพราะงัวเขียงบ้านเรา ราคาปาไป 200 กว่าบาทแล้ว
.................................
คู่แข่ง เนื้อหมู กก. ละ 120 - 130 บาท หมูขึ้นราคาไม่ได้เพราะกระทรวงพาณิชย์ ตรึงไว้ .... งัวก็ขยับหนีไม่ได้เพราะคนซื้อเด๋วก็หันไปกินหมูหมดกันพอดี ..... ตอนที่ราคางัวขึ้นพรวดพราด เมื่อ 2 ปีที่แล้วนั้นเพราะว่า หมูมีโรค PRS ระบาดทำให้หมูขาดตลาด ราคาหมูขยับจาก 90 บาท ไปอยู่ที่ 160 บาท งัวเลยถือโอกาสขยับหนีจาก 140 บาท ไปเป็น 200 บาท และคงราคานี้มา 2 ปีแล้ว ราคาลูกงัวในท้องตลาด เกษตรกร ก็พยายามช่วยกันปั่นราคากันให้ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ..... เเต่เนื้อบนเขียงไม่กล้าขยับขึ้น เพราะลูกค้าเดินหนีหมด ......
________________
เด็กเลี้ยงงัวโง่เง่าเต่าตุ่น ที่ไม่รู้จักพัฒนา หัวไม่ค่อยดี แต่ไม่เคยดูถูกรากฐานของตนเอง
เมื่อ 2 - 3 ผมช่วยกันปั่นราคางัว จนขยับขึ้นมาได้อีกโข .....
พ่อค้ามาซื้อลูกงัวผมไปในราคา ตัวละ 15900 บาท ซึ่งก็ว่าราคาแพงจนรีดกำไรต่อแทบไม่ได้แล้ว มีคนบอกว่าพ่อค้ารายนี้ต้องขาดทุนแน่ๆ ...... มีคนมาถามผมว่ามีงัวขายหรือเปล่า ผมตอบไปว่า ขายไปแล้ว ในราคา 16900 บาท มีคนเลี้ยงงัวเขาหาซื้อไม่ได้เลยต้องไปขอซื้อต่อจากพ่อค้าในราคาให้กำไร ตัวละ 300 บาท ซึ่งตกลงกันในราคา 17200 บาท ...... วันนี้ พ่อค้าคนที่พูดว่าคนเอางัวผมไปต้องขาดทุนแน่ จำใจซื้องัวจากเพื่อนบ้านผม ซึ่งตัวเท่าของผมเลย ในราคาตัวละ 17000 บาท ..... เหตุการณืทำนองนี้จะเกิดขึ้นเป็นวัฏจักร อย่างต่อเนื่อง ...... โดยวิถีของเกษตรกร .....
............................................
คนที่รับกรรมคือคนขุนงัว เพราะต้องซื้อลูกงัวเราไปในราคาแพงๆ แต่ก็ยังกำไรเท่าเดิม ..... เพราะราคาเนื้องัว ขยับขึ้นไม่ได้ ...... แต่พวกเราช่วยกันบีบให้ลูกงัวราคาขยับขึ้น
________________
เด็กเลี้ยงงัวโง่เง่าเต่าตุ่น ที่ไม่รู้จักพัฒนา หัวไม่ค่อยดี แต่ไม่เคยดูถูกรากฐานของตนเอง
นานๆ ทีจะเจอกระทู้แบบพี่ปอ(น้องพี่หนึ่ง)
+18 Like ให้เลยครับ
มาแอบอ่านก่อนแล้วเดี๋ยวมาแจมด้วยนะครับพี่ปอ
ขอต้อนรับการกลับมาแบบข้อมูลแน่นปึ๊ก จากพี่โกย ครับ
________________
สิ่งที่ดีที่สุด คือการที่เราได้อยู่ด้วยกัน
พอเพียงตามรอยพ่อ
ขอบคุณมากครับพี่โกยแนบ
ผมว่าน่าจะถามคุณcowboy62เลยน่าจะดีเพราะว่าความรู้เพียบครับ
ส่วนอื่นนอกเหนือจากนั้นก็ให้ท่านอื่นมาเสริมต่อน่าจะดีนะครับ